วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เคล็ดลับสู่ผมสวย

บางคนคิดว่าแค่ทรงผมสวย สีผมสวยก็พอ ที่จริงมันไม่พอ เส้นผมจะดูดีมีประกายสุขภาพดีมันต้องมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน สภาพอากาศ อารมณ์และจิตใจ การพักผ่อนที่เพียงพอ รวมถึงการเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลที่เหมาะกับสภาพเส้นผม ตัวเองเป็นคนผมเส้นใหญ่และทำไฮไลต์สี ก็จะเน้นเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับผมทำสี ดูแลเป็นพิเศษ ทรีตเม้นท์ดูแลก่อนและหลังทำสีเป็นเรื่องสำคัญห้ามละเลย เพื่อผลลัพธ์สีสวยแบบที่ต้องการและเส้นผมยังคงสุขภาพดี มีความเงางาม สีผมติดทนทาน

ผู้เชี่ยวชาญช่วยคุณได้

การเลือกซาลอนที่มีคุณภาพก็สำคัญ หลายคนคงคิดว่าร้านไหนๆ ผลิตภัณฑ์ยี่ห้ออะไรก็เหมือนกัน จริงๆแล้วต่างกัน ผลิตภัณฑ์ทำสีเฉดสีเดียวกันเบอร์เดียวกัน แต่คนละยี่ห้อ ทำออกมามันก็ได้ผลไม่เหมือนกัน บางครั้งจ่ายเงินมากหน่อยแต่ได้ความสวยที่ดีและปลอดภัยกว่าเส้นผมก็เหมือนส่วนอื่นๆของร่างกายที่ต้องการการดูแล ต้องเสริมครีมบำรุงและเยียวยาบ้าง ถ้าเราไม่แน่ใจว่าปัญหาผมที่มีคืออะไร การพบผู้เชี่ยวชาญเป็นเรื่องที่สมควรทำ

สีผมของสาวเอเชีย

การเลือกสีผมให้เหมาะต้องเลือกจากสีผิวเป็นหลัก ดูว่าผิวเราเป็นแบบไหน คิดว่าสีทองนั้นค่อนข้างแรงไปหน่อยสำหรับสาวเอเชีย แต่ถามว่าทำได้ไหม ทำได้เพียงเลือกเฉดที่เหมาะหรือลองใช้ลูกเล่นของไฮไลท์เข้ามาช่วยบ้างด้วยการสลับสีของไฮไลต์กับโลว์ไลต์มาดึงดูด คิดว่าสีที่เหมาะกับคนเอเชียวก็ต้องสีดำ สีน้ำตาลอมแดง น้ำตาลอมเขียว ขี้นอยู่กับสีผิวและบุคคลิกเป็นสำคัญ สีผมก็เหมือนกับผ้าที่ตากแดด โดนแดดมากๆยังซีด เส้นผมก็ไม่ต่างกัน เลือกแชมพูคอนดิชันเนอร์ แวกซ์หรือผลิตภัณฑ์อะไรก็เลือกชนิดที่ช่วยปกป้องรังสียูวีจากแสงแดดด้วย

ที่มา นิตยสาร Woman & Home

วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เคล็ดลับบาลานซ์ชีวิต 2/3

อย่าหยุดเมื่อเจออุปสรรค และจงเรียนรู้จากความผิดพลาด เมื่อพบอุปสรรค ดิฉันก็ไม่เคยหยุด และไม่เคยอายที่ตัวเองได้ทำผิดพลาด ไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะมองเราอย่างไร มองว่าเราไม่เก่งก็ไม่เป็นไร เพราะเราควรแข่งกับตัวเรา อย่าให้คนอื่นมาตัดสิน คอนเซ็ปต์ประจำตัวของดิฉันคือ ความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่สำคัญคือ จงอย่าพลาดซ้ำๆในเรื่องเดิม ประสบการณ์คือการสั่งสมสิ่งที่เกิดขี้นในชีวิตของเรา แต่มันจะไม่สามารถเป็นประสบการณ์ที่มีค่ากับเราได้เลย ถ้าคุณไม่รู้จักจำและยังเดินย่ำซ้ำๆบนช่องโหว่ของตัวเอง

ทุกๆปีดิฉันจะนั่งสำรวจตัวเอง ว่าปีนี้เรามีข้อดี ข้อบกพร่อง และสิ่งที่ควรปรับปรุงลิสต์ออกมาเลยว่า ปีหน้าตั้งใจจะลงมือทำอะไร ดิฉันอยากเป็นคนที่ Become a better person in every year เพราะถ้าไม่มีเวลาได้สำรวจตัวเอง เราก็จะไม่ได้หยุดคิดและเอาแต่ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ นี่คือสิ่งที่คล้ายคลึงกันกับการสำรวจจิตในทางธรรมะอะไรที่เป็นข้อบกพร่องของตัวเอง ต้องยอมรับและปีหน้าต้องปรับปรุงให้ไม่มี หรือพยายามให้มีน้อยลง

คนเรามักจะมีช่วงชีวิตหนึ่งที่ยังคิดไม่ได้ แต่เมื่องถึงวัยหนึ่งเราจะหาคำตอบได้ด้วยตัวเอง อาจเพราะปัญหาที่เผชิญ เดินเข้ามาในช่วยที่อายุน้อย ประสบการณ์ยังไม่มีแต่เมื่อถึงวัยหนึ่ง เราจะสามารถผ่านพ้นปัญหานั้นได้เอง ดิฉันหาคำตอบให้ตัวเองเมื่อเดินผ่านอายุ 40 มาได้ไม่นาน ตอบไม่ได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดหรือเปล่าแต่นี่เป็นช่วงเวลาที่สมบูรณ์ที่สุดทั้งกาย ใจ จิตวิญญาณ และมีความสุขอย่างพอเพียง

ที่มา นิตยสาร Woman & Home

วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เคล็ดลับบาลานซ์ชีวิต 1/3

ทุกครั้งที่เจอความผิดพลาด อย่าจม เมื่อถึงเวลาคุณต้องลุกขี้นและก้าวต่อไป

ประสบการณ์คือการสั่งสมสิ่งที่เกิดขี้นในชีวิต แต่มันจะไม่สามารถเป็นประสบการณ์ได้เลย ถ้าคุณไม่รู้จักจำ และยังเดินย้ำช้าๆบนช่องโหว่ของตัวเอง

แพทย์หญิง อัจจิมา สุวรรณจินดา ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์แห่งการชะลอวัย ผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์เมดดิไซน์ อัจจิมาคลินิก บอกเล่ากับ w&h ถึงมุมมองเมื่อวัยที่เลข 4 ได้เดินย่างผ่านพร้อมเผยเคล็ดลับในการบาลานซ์ชีวิตใน 3 แง่มุมที่ผู้หญิง (หลายคน) ต้องการ นั่นคือ การงาน สุขภาพ และความสุข

What I've learned in 40!

ดิฉันสนใจศาสตร์แห่งการชะลอวัย ตั้งแต่ในยุคที่ยังไม่มีใครรู้จักคำว่า เลเซอร์ แม้เทรนด์ของการศัลยกรรมจะมีมานานแล้ว แต่ปัจจุบันนี้ ผู้หญิงหลายคนเริ่มหันหลังให้กับการผ่าตัดศัลยกรรม และหันมาสนใจความงามในแบบที่ไม่มีผลข้างเครียง ตอนอยู่ที่อเมริกา ได้ศึกษาเกี่ยวกับเลเซอร์ การผ่าตัดผิวหนัง และมะเร็งผิวหนังซึ่งเป็นงานที่ชอบมาก ทั้งยังลงมือทำงานวิจัย มีจำนวนของคนไข้เข้ารับการรักษาในตัวเลขค่อนข้างสูง ทำให้ได้ฝึกฝนฝีมือจนเชี่ยวชาญ ทั้งอยู่ในช่วงวัยที่ Active จนบางครั้งเมื่อมองย้อนกลับไป พบข้อเสียคือ บางครั้ง เราก็ทุ่มเทให้งานมากจนเกินไป จนไม่ได้บาลานซ์อย่างอื่น

คีย์เวิร์ดของความสำเร็จ คือ ขยัน อดทน และมีความอึดสูง ดิฉันเริ่มต้นทำคลินิกจากเพียงห้องเล็กๆมีเจ้าหน้าที่เพียงหนึ่งคน คิดเพียงแค่ว่า อยากให้ฝันของเราหน้าตาเป็นอย่างไร ก็ค่อยๆ ขยับขยายและมองไปข้างหน้า ดิฉันเริ่มซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ จนสามารถมี ชื่อ คลินิกเป็นของตัวเอง ครอบครัวเองก็ไม่ได้สนับสนุนเพราะอยากให้รับราชการอยู่ในโรงพยาบาลมากกว่า แต่ด้วยความที่พลังมันเยอะ จึงรู้สึกว่าชีวิตเราจะอยู่แค่นั้นไม่ได้ ในเมื่อยังมีพลังก็น่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้ ทุกวันนี้ดิฉันก็ยังรับหน้าที่เป็นอาจาร์พิเศษสอนเรื่องการผ่าตัดมะเร็งผิวหนังอยู่ที่โรงพยาบาลรามาธิบดีซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่รักที่ทำควบคู่กับงานประจำตลอด 15 ปี


ที่มา นิตยสาร Woman & Home

วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เมืองนอก มวยไทยเป็นกระแสฟีเวอร์

ปริยากร รัตนสุบรรณ (โอ๋) วัย 30 ปี รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท วันทรงชัย จำกัด ผู้ผลักดัน 2 นักชกหญิงไทย สู่บัลลังก์แชมป์โลก และมุ่งมั่นทำงานเพื่อต่อลมหายใจให้กับศิลปะมวยไทย ด้วยเหตุผลเดียวสั้นๆ เรารักมวยไทย

เป็นโปรโมเตอร์หญิงคนแรกของวงการมวย

เรียกว่าเป็นโปรโมเตอร์หญิงมืออาชีพคนแรกจะดีกว่า เพราะก่อนหน้าโอ๋มีท่านอื่นทำมาแล้วแต่ว่ามาจากวงการอื่น และไม่ได้ทำอย่างต่อเนื่อง


คุณจัดการแข่งขันมวยไทย และมวยสากล ส่วนตัวแล้วชอบดูอะไรมากกว่า

มวยไทยมีเสน่ห์ มวยสากลดูอย่างไรมันก็ได้แค่หมัดอย่างเดียว แต่ว่ามวยไทยเผลอไม่ได้ เดี๋ยวหมัดเดี๋ยวศอก เดี๋ยวเตะ มันมีเสน่ห์

ท่ามวยไทยที่คุณคิดว่ามหัศจรรย์ที่สุด

ท่าประทับใจที่ติดตามมาเป็น 10 ปี คือท่าจระเข้ฟาดหาง ที่นักมวยฮอลแลนด์ รามอน แด็กเกอร์ (เจ้าของฉายา กังหันนรก ) เขาใช้แล้วชนะน็อกคนไทย

สถานการณ์มวยไทยตอนนี้

ต้องบอกว่าวิกฤต หนึ่งเพราะคนดูมวยนับวันจะน้อยลง คนดูอายุ 40-50-60 ขี้นไป สองเป็นเรื่องภายในวงการมวยเราเอง โปรโมเตอร์ส่วนใหญ่เขาจะมีค่ายมวยของตัวเอง ทำให้มีเรื่องการพนันตามมา

เรื่องพวกนี้ทำให้มองไม่เห็นอนาคนเราไม่ได้ยกตัวเองว่าดีกว่าคนอื่น แต่เราคิดว่ามวยไทยมันต้องมีทิศทางการไป

งานต่างประเทศทำอะไรบ้าง
เรามีกิจกรรมมวยต่างประเทศ เดือนเว้นเดือน อย่างเวลาเราไปอิตาลี เขามีศิลปะป้องกันตัว เทควันโด มวยปล้ำ ซูโม่ แต่เวทีมวยไทยโดดเด่นมาก เป็นกระแสมวยไทยฟีเวอร์

ส่วนในด้านงานเผยแพร่ หลายๆประเทศขอเทรนเนอร์ไปช่วยฝึกซ้อม ไปให้ความรู้เชิงวิชาการ ไปอบรมกรรมการ มีคนบอกว่าเอาไปเทรนเขา อีกหน่อยมาเตะเราตาย แต่ถ้าเราหวงวิชามวยไทยก็จะไม่กว้าง เราเทรนให้กับญี่ปุ่น อิตาลี ฝรั่งเศส ฮอลแลนด์ โมร็อกโก ฮ่องกง จีน ฯลฯ

ที่มา นิตยสาร Woman & Home

วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ผู้หญิงกับกีฬาโปโล

บทสัมภาษณ์คุณนันทินี แทนเนอร์ ผู้ร่วมก่อนตั้ง Thai Polo & Equestrian Club Pattaya

การเป็นผู้หญิง เป็นอุปสรรคสำหรับการทำงานวงการกีฬาหรือไม่

ไม่เลย มันอยู่ที่ความมั่นใจ ไม่ได้อยู่ทีเพศมาเป็นตัวกำหนด ติดอยู่อย่างเดียวว่าเราแก่แล้ว แต่สิ่งอื่นที่เราทำได้ นั่นคือการสนับสนุน เรายังมีแรงและมีความสุขที่จะทำต่อไปได้ อีกหนึ่งความฝันคือการตั้งทีมโปโลหญิงเป็น National Team เพราะถ้าเราจะส่งเสริมกีฬาไม่ว่ากีฬาใดก็แล้วแต่ เราจะต้องสร้าง National Team เพื่อที่วันหนึ่งเด็กจะเก่ง และไปถึงอนาคตซึ่งคาดว่าเร็วๆนี้จะมีการจัดกีฬาโปโลเข้าไปอยู่ในการแข่งขันโอลิมปิก

แต่น่าเสียดายที่ผู้หญิงไทยเราเล่นโปโลน้อยการแข่งขันที่จัดอยู่ ส่วนมากจะเป็นชาวต่างชาติที่มาร่วมทีม ซึ่งตอนนี้ผู้หยิงที่เล่นโปโลเก่งที่สุดในเมืองไทย คือ คุณคาโรลีน ลิงค์ ลูกสาวของนายลิงค์ ซึ่งเธอถือสัญชาติไทย ดิฉันก็ยังเชื่ออยู่ลึกๆว่า ถ้าเราปั้นเด็กรุ่นใหม่ๆ วันหนึ่งเมืองไทยก็น่าจะมีโอกาส

เสน่ห์ของกีฬาโปโล อยู่ตรงไหน ทำไมคุณจึงหลงรัก

กีฬาชนิดอื่นๆใช้ไม้ ใช้ลูกบอล ใช้ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ไม่มีเกมไหนเลยที่เล่นกับสิ่งที่มีชีวิต โปโลเป็นกีฬาชนิดเดียวที่มีอุปกรณ์เป็นสิ่งมีชีวิต ดังนั้นเขาก็จะมีความคิด มีวิญญาณของเขาแล้วเราจะทำอย่างไรเพื่อที่จะคุยกับเขาได้ สื่อสารกันเข้าใจกัน และต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เมื่ออยู่บนหลังม้าแล้ว เราไม่มีขา ดังนั้นขาของเขาจะต้องเป็นขาของเรา เราต้องเป็หนึ่งเดียวกันให้ได้ โปโลเป็นกีฬาที่ละเอียดอ่อน 1 บวก 1 เท่ากัน 1

ม้าแต่ละวัน อารมณ์ไม่เหมือนกัน ก็เหมือนกับคนเรา บางทีวันนี้ง่าย ทำอะไรง่ายไปหมด ถัดมาอีกวันตายแล้ว ให้มันทำอะไรมันก็ไม่ทำ จะให้ไปซ้ายมันก็ไม่ไป ความสนุกท้าทาย มันก็สนุกตรงนี้ ตรงที่เครื่องมือเป็นสิ่งมีชีวิต

ถึงวันนี้ กีฬาได้ให้อะไรกับคุณ

นอกจากจะช่วยเรื่องร่างกายให้แข็งแรง กีฬายังมี 2 สิ่งที่บอกกับเรา นั่นคือ ไม่แพ้ ก็ชนะ วันนี้เราชนะ พรุ่งนี้เราอาจจะแพ้ก็ได้ พอเราแพ้ เราก็ต้องยอมรับ ดังนั้นถ้าเราเล่นกีฬาบ่อยๆ เราก็จะยอมรับกับหลายๆอย่างในชีวิตได้ ดิฉัน 60 แล้ว คิดว่าตัวเองจะเล่นกีฬาต่อไป นอกจากชอบขี่ม้า ทุกวันนี้ก็ยังเล่นโรลเลอร์อยู่ที่สวนลุมด้วยนะคะ


ที่มา นิตยสาร Woman & Home

วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

โรเบิร์ต คีโยซากิ พ่อรวยสอนลูก

โรเบิร์ต คีโยซากิ เค้าเป็นผู้สอนคนให้กลายเป็นศรษฐี จนได้รับการขนานนามว่า อาจารย์เศรษฐี และเป็นผู้แต่งหนังสือพ่อรวยสอนลูก ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ได้รับการแปลกว่า 9 ภาษาขายได้กว่า 10 ล้านเล่มทั่วโลก แต่ไปนี้ เขาจะมาแนะนำคุณ ถึงแนวคิด การเปลี่ยนจากมนุษย์เงินเดือนเป็นผู้มีอิสรภาพทางการเงิน ในโลการทำงานของเรานั้น ถ้านำมาเขียนเป็นกราฟจะแบ่งการทำงานออกเป็น 4 ประเภท ซึ่งคนเหล่านี้จะมีความคิดที่แตกต่างกัน พ่อรวยบอกผมว่า แบบที่ 1 คือ E หรือที่แปลว่าลูกจ้าง คุณลักษณะของลูกจ้างคือ สิ่งที่เราเป็น เช่นเป็นหมอ ครู ทนายความ เป็นต้น  ซึ่งรายได้หลักมาจากเงินเดือน พร้อมกับการทำงานให้บริษัท/ ราชการ  สิ่งที่คนกลุ่มนี้ชอบคิดคือ  นี่คืองานของฉัน มันจ่ายเงินให้แนทุกเดือน มันทำให้ฉันมีความมั่นคงในเงินที่ได้รับ และนั่นทำให้คนกลุ่มนี้ ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง เพราะมันทำให้เงินของเขาไม่ปลอดภัย มาดูกลุ่มคนแบบที่ 2 แบบ S หรือนายจ้างตัวเอง คนกลุ่มนี้มีแนวคิดที่ ไม่ชอบการทำงาน ให้กับบุคคลอื่น  และมีความเชื่อมันในความสามารถของตนเอง รายได้หลักมาจากการลงมือทำงานด้วยตัวเองเท่านั้น  ตัวอย่างเช่น เปิดร้านขายของ ขายกิฟชอป มาดูช่องด้านขวาบน นะครับ เราแทนด้วย B หมายถึง ผู้ประกอบการธุรกิจ หรือเจ้าของเครือข่าย ลักษณะของคนกลุ่มนี้คือ ชอบทำงานเป็นทีม เรียนรู้จักการให้บุคคลอื่นทำงานแทนตน สิ่งที่คนกลุ่มนี้สนใจ คือ ระบบ และทีมงาน เครือข่าย รายได้จึงมาจาการทำงานของระบบ มาดูช่องขวาล่าง สุดท้ายนะครับเราแทนด้วยตัว I หรือนักลงทุน แนวคิดของคนกลุ่มนี้คือ การให้เงินทำงานหนักแทนเรา ตัวอย่างเช่น การลงทุนต่างๆเป็นต้น ซึ่งพ่อจน มักสอนให้ผมเป็นคนด้านซ้าย ตั้งใจเรียนนะลูก แล้วจะได้งานดี เงินเดือนสูงๆ หรือพูดง่ายๆคือ พอสอนผมให้มาทำงานด้าน E หรือ ลูกจ้างนั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่า คุณต้องทำงานอย่างหนักจึงจะได้เงินมา มาดูสิว่า พ่อรวยสอนผมอย่างไร พ่อรวยบอกผมว่า ถ้าลูกอยากรวย จงเรียนรู้การสร้างธุรกิจของตนเอง เรียนรู้การสร้างเครือข่ายและระบบ ถ้าลูกทุ่มเท งานด้านนี้มาเท่าไหร่ เมื่อใดก็ตามระบบมันอยู่ตัวแล้ว มันจะทำเงินให้กับลูกอย่างต่อเนื่อง ส่งผ่านไปยังรุ่นต่อๆไปเลยทีเดียว แต่สิ่งที่พ่อจนสอนผมนั้น แม้ผมจะขยันเพียงไหน ก็ไม่สามารถส่งต่อให้ใครๆได้ สรุปว่า พ่อรวยสอนให้ผมทำงานด้านนี้ E และ I  ความแตกต่างของคนทำงานด้านซ้ายและด้านขวาที่เห็นได้ชัดคือ คนด้านซ้ายทำงานเพราะต้องการความมั่นคง และเงิน  ในขณะที่คนด้านขวา ทำงานหนักเพื่ออิสรภาพทางการเงิน



วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เคล็ดลับในการทำงานอย่างมีความสุข


วันนี้ได้เข้าชมคลิปรายการ Money Shot เคล็ดลับการทำงานซึ่งคุณปรเมศวร์ พรหมบุรี ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจลูกค้าบุคคล ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์ใน Money Shot Special น่าสนใจทีเดียวครับ

ท่านได้กล่าวถึงปัจจับพื้นฐานการทำงานอย่างมีความสุข ทัศนคติที่ดีต่อทิศทั้ง 4 ทิศ ลองฟังกันดูนะครับ